วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550

การเรียนรู้ก่อนการปฎิบัติงาน

การเรียนรู้ก่อนการปฏิบัติกิจกรรม (Before Action Review : BAR)
ประเด็นการอภิปราย1. ครูควรมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีการศึกษาหรือไม่ ?อย่างไร ? และเพราะอะไร?ตอบ ควรมี เพราะปัจจุบันเครื่องมือทางเทคโนโลยีความสำคัญมากกับการศึกษาของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอมพิวเตอร์ เพราะคอมพิวเตอร์มีบทบาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากตำราเรียนได้อย่างรวดเร็วและสะดวก ดังนั้นครูจึงควรมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ การซ่อมบำรุงอย่างง่าย ๆ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของคอมพิวเตอร์ เพื่อจะนำคอมพิวเตอร์ไปใช้เป็นสื่อการสอนควบคู่กับความรู้ต่าง ๆ ได้2. ความรู้และทักษะที่ว่านั้นมีอะไรบ้างตอบ 2.1ด้านการปฏิบัติตามขั้นตอนตามวิธีการได้อย่างถูกต้อง2.2ต้องมีทักษะทางด้านความรู้พื้นฐานทางด้านการใช้คอมพิวเตอร์และเครื่องมือเทคโนโลยีการศึกษา เช่น เครื่องฉายสไลด์ , เครื่องเสียง เป็นต้น2.3ต้องมีความรู้ในการบำรุงรักษาเครื่องมือเทคโนโลยีการศึกษาอย่างถูกวิธี2.4ศึกษาข้อควรระวังในการใช้งาน3. เครื่องมือเทคโนโลยีการศึกษาที่จำเป็นสำหรับครูในปัจจุบันมีอะไรบ้าง?ตอบ คอมพิวเตอร์ , เครื่องฉายสไลด์ , เครื่องเสียง (ด้านเครื่องขยายเสียง , เครื่องบันทึกเสียง , ไมโครโฟน) เครื่องเล่นวีดิทัศน์ และเครื่องฉายภาพวีดิทัศน์4. จะทราบได้อย่างไร ? ว่าครูมีความรู้และทักษะมากน้อยแค่ไหนตอบ 1. จัดอบรมให้ครูมีความรู้เรื่องเครื่องมือเทคโนโลยีทางการศึกษา2. มีการทดสอบทั้งทางด้านทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้ได้ใบประกาศนียบัตร5. จะเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาความรู้และทักษะเหล่านี้แก่ครูด้วยตนเองอย่างไรตอบ สอบถามผู้รู้ , หาหนังสือมาศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม , สืบค้นจาก INTERNET และลงมือปฏิบัติจริง
สื่อมวลชนกับการศึกษา
เนื่องจากเทคโนโลยีด้านสื่อมวลชนได้เจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและได้เข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับการดำรงชีพของมนุษย์ในสังคมปัจจุบันเพิ่มขึ้นทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าสื่อมวลชนมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดและความเป็นอยู่ของคนในสังคมมีส่วนทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงในอัตราที่สูงมาก ส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใดนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระที่นำมาเสนอว่าจะเน้นในด้านใดสื่อมวลชน (Mass Communication) หมายถึงกระบวนการนำสารหรือการส่งสารไปยังคนจำนวนมาก ค่อนข้างสลับซับซ้อนกว่าการสื่อสารประเภทอื่น ผู้ส่งสารอาจเป็นกลุ่มบุคคลซึ่งรวมตัวกันเป็นองค์การหรือสถาบันก็ได้ และผู้รับสารจำนวนมากนั้นมักจะอยู่กระจัดกระจายไม่มีปฏิกิริยาสัมพันธ์ต่อกัน ด้วยเหตุที่ปฏิกิริยาโต้ตอบที่เกิดขึ้นจากผลของการสื่อสารซึ่งไม่ปรากฏโดยตรงหรือทันทีทันใด แต่มักจะแสดงออกในรูปของความพอใจหรือไม่พอใจ โดยสังเกตได้จากพฤติกรรมของผู้รับ ถ้าพอใจมักจะปฏิบัติบ่อยหรือการทำซ้ำ ๆ การนำเอาวิธีการของการสื่อสารมวลชนมาใช้เพื่อการเรียนการสอน เราเรียกว่า “การสื่อสารมวลชนเพื่อการศึกษา” และเรียกตัวกลางหรือสื่อซึ่งนำไปยังคนจำนวนมากว่า “สื่อมวลชนทางการศึกษา”และสื่อมวลชนก็มีบทบาทและหน้าที่ดังนี้1. ให้ข่าวสารและรายงานความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมให้ประชาชนทราบตามข้อเท็จจริงโดยไม่จำเป็นต้องสอดแทรกความคิดเห็นใด ๆ ลงไป2. เป็นแหล่งกลางในการเสนอความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งต่อปัญหาที่เกิดในสังคม3. ให้สาระบันเทิงแก่ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ โดยมุ่งให้เกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนาน คลายความเครียด และมีสุขภาพจิตที่ดี ได้แก่ รายการเพลง ดนตรี ละคร นิยาย เป็นต้น4. ให้ความรู้ทางการศึกษาและบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติ5. ให้บริการด้านธุรกิจการค้า เช่น การโฆษณา และประชาสัมพันธ์หน้าที่สำคัญดังกล่าวเป็นหน้าที่โดยทั่วไปของสื่อมวลชน แต่สื่อมวลชนจะมีบทบาทและหน้าที่นอกเหนือกว่านั้นในประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนี้1.การเสนอข่าว การทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวมากขึ้น การยกระดับความต้องการของประชาชนเพื่อเป้าหมายของการพัฒนา และการสร้างบรรยากาศ2.การมีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจของสังคม สื่อมวลชนจะมีบทบาทในทางอ้อมโดยการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆแก่ประชาชน 3.การสอน สื่อมวลชนสามารถช่วยในการศึกษาและฝึกอบรมทุกประเภท สามารถช่วยสนับสนุนระบบการศึกษาและจากบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนที่กล่าวข้างต้นนี้ ทำให้ทราบว่าสื่อมวลชนนั้นมีอิทธิพลมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่อที่เรียกว่า “โทรทัศน์” เพราะเป็นสื่อที่สามารถสัมผัสได้โดยตรง ซึ่งสัมผัสได้ทั้งภาพและเสียง ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาสาระได้อย่างชัดเจน โทรทัศน์เป็นสื่อที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการนำเสนอข่าวสารเหตุการณ์ต่าง ๆ และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของมนุษย์มากที่สุดเช่นกัน โดยเฉพาะเยาวชนที่มักจะเลียนแบบดารา นักร้องที่เขาชื่นชอบไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมที่ดีและไม่ดี เขาก็จะทำตาม โดยไม่รู้ว่าถูกหรือผิด เช่น ดาราบางคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโครงการเมาไม่ขับ แต่กลับเมาเสียเอง อย่างนี้เป็นต้น สืบเนื่องมาจากโทรทัศน์เป็นสื่อที่เข้าถึงทุกครัวเรือนซึ่งทำให้ได้รับข้อมูลข่าวสารได้ง่ายที่สุดและในปัจจุบันสื่อที่เรียกว่า “โทรทัศน์” ก็ได้มาการจัดเรตติ้งขึ้นโดยกรมประชาสัมพันธ์ได้จัดประเภทรายการทีวีโดยมีสัญลักษณ์แบ่งประเภทของรายการขึ้นอยู่ข้างจอทีวี เพื่อช่วยให้ประชาชนได้เลือกรับชมรายการต่างๆ ตามความเหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะ โดยแบ่งระดับตามตัวอักษรได้แก่ท. คือรายการทั่วไปด. คือรายการเด็กน.13 คือรายการที่ต้องแนะนำเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปีน.18 คือรายการที่ต้องแนะนำเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีและ ฉ. คือรายการเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปซึ่งข้าพเจ้าเห็นด้วยกับการจัดเรตติ้งทีวีและคิดว่าน่าจะทำขึ้นมาตั้งนานแล้วเพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีมีความทันสมัย การที่จะไปควบคุมเป็นไปได้ยาก ซึ่งสถาบันการศึกษาเน้นผลิตบุคลากรนิเทศศาสตร์ให้มีคุณธรรมและจริยธรรมอยู่แล้ว แต่เมื่อนักศึกษาจบไปการทำงานก็จะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายขององค์กรเป็นหลัก ดังนั้น ควรที่จะต้องไปขอความร่วมมือกับภาคเอกชนด้วยการจัดเรตติ้งนี้ทำให้สามารถแบ่งประเภทเกี่ยวกับรายการได้เหมาะสมกับวัย เพื่อได้คำแนะนำกับบุคคลที่ดูอย่างเหมาะสม และช่วยให้สื่อโทรทัศน์ได้ปรับเปลี่ยนตามผลโหวต ทำให้แต่ละรายการมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น แต่ข้าพเจ้าขอติเรื่องสัญลักษณ์ที่ใหญ่เกินไป ควรทำสัญลักษณ์ให้เล็กกว่านี้ เพราะบางครั้งมันทำให้เสียอรรถรสในการชมรายการโทรทัศน์ แต่โดยภาพของการจัดเรตติ้งทีวีถือว่าดีมากและสิ่งที่ได้รับความนิยมที่สุดในขณะนี้ก็คือการส่ง “SMS” ซึ่งย่อมาจากคำว่า “Short Messaging Service” เป็นบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล ที่ทำให้ผู้ใช้มือถือดังกล่าวสามารถสื่อสาร และส่งข้อความประเภทที่เป็นตัวอักษร ตอบโต้กันได้อย่างรวดเร็ว เป็น บริการเสริมจากบริการทางด้านเสียงเพื่อการสื่อสารหรือบริการหลัก ที่มีมาพร้อมๆ โทรศัพท์ระบบดิจิตอล SMS เพิ่งจะได้รับความ นิยมอย่างมากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง บริการในเบื้องต้นเป็นการส่งข้อความกันในลักษณะของ Personal-to-Personal เท่านั้น แล้วตามมาด้วยบริการบริการดาวน์โหลด และล่าสุด มีการนำ SMS มาโหวตในรายการโทรทัศน์ผลดีของ SMS1. เป็นวิธีการสื่อสารที่เร็วที่สุด ใช้งานง่าย และสะดวก2. สามารถส่งได้ทั้งภาพและเสียง3. ทำให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ได้อย่างอิสระเสรีผลเสียของ SMS1. ทำให้ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ , ผู้พัฒนาคอนเท้นต์ และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้โอกาสนี้เป็นช่องทางในการสร้างรายได้โดยการนำรูปแบบบริการส่ง SMS ผ่านรายการทีวี อย่างเช่น รายการ อเคเดมี่ แฟนตาเซียและเดอะสตาร์ ที่ให้ประชาชนโหวตผู้แข่งขันที่ชื่นชอบโดยการให้ส่ง SMS เข้าไปในรายการ2. การส่ง SMS เข้าไปแสดงความคิดเห็นในรายการต่าง ๆ ที่อิสระเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสังคมทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชน3. เสียค่าใช้จ่ายในการส่ง SMS โดยไม่จำเป็นและจากกการที่เรานั้นบริโภคสื่อทุกวันก็ทำให้เราเห็นว่า “สื่อมวลชนเปรียบเหมือนดาบสองคม” เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ทก็มีทั้งประโยชน์และโทษ นั่นก็มีลักษณะเช่นเดียวกับ สื่อมวลชนที่จะต้องมีด้านหนึ่งให้ประโยชน์และมีอีกด้านหนึ่งที่ให้โทษในด้านที่เป็นประโชน์ก็คือ เป็นการย่อโลกให้แคบลงเพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความคิดที่กว้างขึ้น และทันโลก ทันเหตุการณ์มากขึ้น และช่วยพัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและในด้านที่ให้โทษ ก็คือ การสื่อสารที่ไร้พรมแดนและขอบเขตจำกัดได้รุกล้ำอธิปไตยทางวัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ โดยความเป็นตะวันตกได้หลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ซึ่งหลายประเทศก็ถูกวัฒนธรรมต่างชาติกลืนความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไปซึ่งทั้งหลายทั้งมวลที่กล่าวมานี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ามนุษย์จะสามารถนำเอาประโยชน์และโทษของสื่อมวลชนมาใช้ได้อย่างไรและใช้ไปในทิศทางใดจึงจะมีคุณค่าต่อตนเองมากที่สุดปัจจุบันได้มีการนำเอาสื่อมวลชนมาใช้ในการศึกษา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับ การศึกษาหรือการเรียนการสอนประโยชน์ของสื่อมวลชนที่มีต่อการศึกษา1. สามารถแพร่กระจายความรู้เนื้อหาสาระในสาขาวิชาต่าง ๆ ไปสู่คนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีโอกาสได้เรียนรู้กว้างขวางขึ้น ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์2. เปิดโอกาสให้ประชาชนที่กระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ มีโอกาสได้รับประโยชน์ทางการศึกษาเท่าเทียมกัน เป็นการขยายห้องเรียนให้กว้างออกไป โดยผู้เรียนไม่ต้องมาเข้าชั้นเรียน แต่สามารถเรียนได้ตามลำพังและตลอดเวลา3. ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัสดุการศึกษาของระบบโรงเรียน ทั้งด้านสถานที่ บุคลากร สื่อการเรียนการสอน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องเรียนไม่พอ ขาดผู้สอนที่มีประสบการณ์ สื่อการสอนที่จำเป็นมีจำกัด ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้โดยอาศัยสื่อมวลชนเข้าช่วยปรับปรุงการสอนของครูซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน ให้มีคุณภาพดีใกล้เคียงกัน โดยอาศัยสื่อมวลชนเป็นสื่อในการถ่ายทอดเทคนิควิธีการ ด้วยการให้คำแนะนำและสาธิตการสอนผ่านสื่อมวลชนโดยเฉพาะวิทยุโทรทัศน์ได้ผลดีมาก4. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาของรัฐ ถ้าได้มีการวางแผนเตรียมการัดกุมจะสามารถจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนได้ครอบคลุม ต่อเนื่องและมีคุณภาพคุ้มกับการลงทุนซึ่งมีแนวทางในการนำสื่อมวลชนมาใช้กับการศึกษาโดย1. ใช้เป็นเครื่องมือในการสอน ผู้สอนสามารถนำรายการวิทยุ โทรทัศน์ มาผนวกกับการสอน และเป็นสื่อที่ให้เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับบทเรียนนั้นโดยตรง 2.ใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติการ โดยการใช้กล้องโทรทัศน์ช่วยในการจับภาพจากกล้องจุลทัศน์เพื่อฉายให้ผู้เรียนเห็นบนจอรับภาพ3.ใช้เป็นสื่อสอนแทนครู ในกรณีที่มีการขาดแคลนครู ก็อาจใช้วิทยุหรือโทรทัศน์เพื่ออกอากาศการสอนได้4.ใช้เป็นสื่อเพื่อเสริมความรู้ เป็นการใช้รายการวิทยุ โทรทัศน์ ข่าวสารบทความเสริมให้ผู้เรียนได้รับความรู้5.ใช้เป็นอุปกรณ์การสอนจุลภาค/มหภาค โดยการบันทึกวีดิทัศน์การสอนหรือการปฏิบัติของผู้เรียนแต่ละคน 6.ใช้เป็นสื่อในการศึกษาระบบเปิด โดยใช้วิทยุหรือโทรทัศน์เป็นสื่อเพื่อดำเนินการสอนส่งไปยังผู้เรียนที่อยู่ตามบ้าน 7. ใช้เป็นอุปกรณ์ในการบันทึกเรื่องราวสำคัญ การแสดง การทดลอง การบรรยายโดยวิทยากร ที่ออกอากาศทางวิทยุ สามารถบันทึกลงวีดิทัศน์ เทปบันทึกเสียง และสิ่งพิมพ์ได้8. ใช้เป็นแหล่งการเรียนรู้ เป็นการรวบรวมวัสดุที่บันทึกเรื่องราวสำคัญต่างๆ ไว้เพื่อการศึกษาค้นคว้า โดยอาจเก็บไว้ในห้องสมุด9. ใช้เพื่อให้ผู้เรียนหรือผู้ฟัง/ผู้ชมร่วมในรายการ 10. ใช้เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมในสังคม โดยการให้ความเสมอภาคทางการศึกษาแก่ผู้ที่ต้องออกจากโรงเรียน ผู้เรียนกลุ่มพิเศษ โดยการใช้สื่อวิทยุ โทรทัศน์ วีดิทัศน์11. ใช้เพื่อบริการสังคม เพื่อการเสนอข่าวสาร ความรู้ สาระบันเทิง ตลอดจนการศึกษาทั้งทางตรง และทางอ้อมสื่อมวลชน คือ หมายถึง สื่อที่ใช้ในการนำข่าวสารใดๆ ไปสู่ประชาชนหรือมวลชน ประชาชนสามารถรับข่าวสารได้โดยการชมการดู หรือการอ่าน ประเภทของสื่อมวลชนได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร ภาพยนตร์ เป็นต้น ซื่งสื่อมวลชนก็ให้ทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะใช้สื่อมวลชนในทิศทางใดและใช้อย่างไรจึงจะเกิดคุณค่าต่อตนเองให้มากที่สุด ซึ่งจะต้องเป็นไปในทางที่ดีด้วยสื่อมวลชนเพื่อการศึกษา เป็นการนำเอาสื่อมวลชนมาใช้เพื่อการถ่ายทอดความรู้เนื้อหาบทเรียนไปยังผู้เรียนจำนวนมากที่อยู่กระจัดกระจายในเวลาเดียวกัน ซึ่งการนำสื่อมวลชนมาใช้กับการศึกษาจะให้ประโยชน์กับการศึกษาหลายประการ คือ การแพร่กระจายความรู้เนื้อหาสาระในด้านต่าง ๆ ไปสู่คนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ประชาชนที่กระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ ได้รับประโยชน์ทางการศึกษาเท่าเทียมกัน ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนวัสดุการศึกษาของโรงเรียนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษาของรัฐ

นวัตกรรม

นวัตกรรมการศึกษา
ความหมายของนวัตกรรมการศึกษานวัตกรรม หรือ นวกรรม มาจากคำว่า “นว” หมายถึง ใหม่ “กรรม” หมายถึง การกระทำเมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน เป็น นวัตกรรม หรือ นวกรรม จึงหมายถึงการกระทำใหม่ๆโดยสรุปแล้ว นวัตกรรม หมายถึง ความคิดและการกระทำใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมให้ดีขึ้นและเมื่อนำมาใช้งานก็ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อนำนวัตกรรมมาใช้ในการศึกษาเราก็เรียกนวัตกรรม
ประเภทของนวัตกรรม
1. เทคนิคและวิธีการ เป็นกลวิธีหรือกิจกรรมวิธีการสอน ทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. สิ่งประดิษฐ์ เป็นวัสดุหรืออุปกรณ์ที่นำไปใช้ในการเรียนการสอน เช่น บทเรียนสำเร็จรูป
การนำนวัตกรรมมาใช้กับการศึกษาAsynchronous Learning คือ การนำความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การสื่อสาร และความสามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้แก่ ระบบโทรทัศน์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ รวมทั้งโปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆมาใช้เป็นประโยชน์ เพื่อการศึกษา
1.แหล่งข้อมูลระยะไกล (Remote Resource) ที่ต้องใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่างๆในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
2.การเรียนรู้อย่างรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์
3.การเรียนแบบร่วมมือกัน เป็นการเรียนแบบช่วยเหลือกัน ซึ่งการเรียนแบบนี้คือ นักเรียนร่วมกันทำงานในกลุ่มเล็กๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักร่วมกัน
4.การเรียนการสอน ที่ไม่จำเป็นต้องเรียนตามตารางสอน การเรียนการสอนผ่านอินเตอร์เน็ต หมายถึง วิธีการเรียนการสอนในรูปแบบไฮเปอร์มีเดีย(hypermedia)ที่ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ต่างๆโดยผ่านระบบเครือข่าเวิลด์ไวด์เว็บเป็นสื่อในการสนับสนุนและส่งเสริมกรเรียนรู้




2.แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
ความหมายของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ หมายถึง ศูนย์รวมของวิชาความรู้ที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ บุคคล สิ่งประดิษฐ์ วัตถุ อาคาร สถานที่ซึ่งมีอยู่กระจักกระกาย ทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท อันเป็นขุมทรัพย์แห่งปัญญาที่แทรกซึมอยู่ในวิธีชีวิตของ
มนุษย์ เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ค้นพบได้อย่างไม่รู้จบ
ปรเภทของแหล่งทรัพยากรเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4ประเภท คือ
-แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทบุคคล.
หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม มีผลงานได้รับยกย่อง เป็นที่ยอมรับของสังคมเป็นต้นแบบแก่บุคคลรุ่นหลังสืบไป
-แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ประเภททรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สภาพธรรมชาติที่ในโลกและอวกาศ ซึ่งไม่ได้หมายถึงสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น แม่น้ำ ป่าไม้
-แหล่งการเรียนรู้ประเภทสื่อ หมายถึง สิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่ใช้เป็นช่องทางการสื่อสาร แยกได้เป็น 2 ประเภท คือ(1) สื่อทางด้านกายภาพ ได้แก่ สิ่งพิมพ์ วัสดุ ฟิล์ม แผ่นภาพโปร่งใส เทปบันทึกภาพ เทปบันทึกเสียง เป็นต้น เป็นตัวช่องทางผ่านในลักษณะเครื่องฉาย (2) สื่อทางด้านวิธีการ ได้แก่ รูปแบบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆทั้งการใช้เทคโนโลยีพื้นบ้าน และเทคโนโลยีระดับสูง ได้แก่ สื่อกิจกรรม
-แหล่งการเรียนรู้ประเภทวัตถุและอาคารสถานที่ หมายถึงวัตถุและอาคารสถานที่ที่มีศักยภาพเป็นแหล่งความรู้ด้วยตัวของมันเอง เช่น สถาปัตยกรรมการก่อสร้าง
ประโยชน์ของแหล่งเรียนรู้ที่มีต่อการศึกษา ประโยชน์ของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกโอกาสและสามารถมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
การนำแหล่งการเรียนรู้มาใช้กับการเรียนการสอน
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่ดีตัวเราต้องสัมผัสได้โดยเอื้อประโยชน์ต่อกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้จะเกิดได้กับผู้รียนทุกคนทุกเวลามีความหลากหลาย สามารถเน้นทักษะและนำไปใช้ได้จริง ผู้เรียนมีอิสระมีความคิดสร้างสรรค์และปฏิบัติได้
3.คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน
ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในกิจกรรมการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาต่างๆนำมาใช้เพื่อการจัดการศึกษาและการเรียนการสอน
ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.โปรแกรมเพื่อการฝึกหัดและการปฏิบัติ(Drill and Practica)
2.โปรแกรมเพื่อการสอน(Tutorial)
3.โปรแกรมจำลองสถานการณ์ (simulation)
4.เกมทางการศึกษา(Educational Games)
5.โปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา(Problem Solving)
ข้อดี
- ไม่จำกัดสถานที่
- สามารถเรียนจากสื่อผสม
- ทำให้ผู้เรียนเรียนได้ตามระดับความสามารถ
- ทราบผลการเรียนทันที
ข้อจำกัด
- ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ
- ขาดซอร์ฟแวร์บทเรียนที่มีคุณภาพ
- ครุภัณฑ์มีราคาสูง
การออกแบบและพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
1.ใช้สอนแทนผู้สอน ทั้งในและนอกห้องเรียน
2. ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนทางไกล ผ่านสื่อโทรคมนาคม เช่น ดาวเทียม เป็นต้น
3. ใช้เนื้อหาที่ซับซ้อน
4. เป็นสื่อช่วยสอน เช่น การสอนขับเครื่องบิน
5. เป็นสื่อแสดงลำดับขั้น เช่น การทำงานของมอเตอร์รถยนต์
6. เป็นสื่ออบรมพนักงานใหม่ โดยไม่ต้องเสียเวลาสอนซ้ำๆซ้อนๆ
7. สร้างมาตรฐานการสอน
การใช้และการประเมินผลคอมพิวเตอร์มีบทบาทต่อชีวิตประชาชนทั่วไป นักศึกษาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน


4.เทคโนโลยีสารสนเทศเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Information Technology หรือ IT สารสนเทศมีคุณลักษณะที่สำคัญอยู่ 3 ประการ
1.เป็นรูปแบบที่มีประโยชน์ นำไปใช้งานได้
2.เป็นข้อมูลที่ผ่านการประมวลแล้ว
3.มีคุณค่าสำหรับใช้ในการดำเนินงานและการตัดสินใจเทคโนโลยีสารสนเทศกับงานด้านการศึกษา ได้แก่ การจัดเก็บข้อมูล และประมวลผลฐานข้อมูล การพัฒนาระบบสารสนเทศช่วยสอน การวางผนหลักสูตร
ประเภทของเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
- คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการเรียนการสอน
- คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- คอมพิวเตอร์นำเสนอเว็บบล็อก
- การสอนทางโทรทัศน์
- ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์
ข้อดี
- เรียนรู้นอกสถานที่ได้
- การเรียนการสอนที่กว้างขวาง
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง
- ขาดบุคลากรที่เชี่ยวชาญ
แนวทางการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการศึกษาการเรียนผ่านระบบดาวเทียมหรือที่เรียกว่า การศึกษาทางไกล